ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
 จากการที่คอมพิวเตอร์มีลักษณะเด่นหลายประการ ทำให้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตประจำวันในสังคมเป็นอย่างมาก ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดก็คือ การใช้ในการพิมพ์เอกสารต่างๆ เช่น พิมพ์จดหมาย รายงาน เอกสารต่างๆ ซึ่งเรียกว่างานประมวลผลคำ ( word processing ) นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในด้านต่างๆ อีกหลายด้าน ดังต่อไปนี้
 ด้านงานธุรกิจ
ด้านธุรกิจ เช่น บริษัท ร้านค้า ตลอดจนโรงงานต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำบัญชี งานประมวลคำ และติดต่อกับหน่วยงานภายนอกผ่านระบบโทรคมนาคม งานอุตสาหกรรมใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการควบคุมการผลิต และการประกอบชิ้นส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ  หรืองานธนาคาร ที่ให้บริการถอนเงินผ่านตู้ฝากถอนเงินอัตโนมัติ ( ATM ) และใช้คอมพิวเตอร์คิดดอกเบี้ยให้กับผู้ฝากเงิน และการโอนเงินระหว่างบัญชี เชื่อมโยงกันเป็นระบบเครือข่าย
 ด้านการแพทย์
ปัจจุบันมีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยงานด้านการแพทย์หลายด้าน เช่น การเก็บประวัติคนไข้ การใช้ทดลองประกอบการวินิจฉัยของแพทย์  ใช้ในการตรวจเลือด  ตรวจปัสสาวะ  การผ่าตัดหัวใจ  การตรวจสอบห้องพักผู้ป่วยว่าว่างหรือไม่  การควบคุมแสงเลเซอร์การเอ็กซ์เรย์  การตรวจคลื่นสมอง  คลื่นหัวใจ  เป็นต้น
 ด้านวิทยาศาสตร์และเคมี
ใช้ในการวิเคราะห์สูตรทางเคมี  การคำนวณสูตรทางวิทยาศาสตร์  การค้นคว้าทดลองในห้องวิทยาศาสตร์  การคำนวณเกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาลและการเกิดปรากฏการณ์เกี่ยวกับดวงดาวต่างๆ
 ด้านการสื่อสารและคมนาคม
ใช้ในการติดต่อสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ต  สื่อสารถ่ายทอดผ่านดาวเทียม  การติดต่อสื่อสารผ่านโทรศัพท์  ในส่วนที่เกี่ยวกับการเดินทาง จะใช้คอมพิวเตอร์ในการจองวันเวลา ที่นั่ง ซึ่งมีการเชื่อมโยงไปยังทุกสถานีหรือทุกสายการบินได้  ทำให้สะดวกต่อผู้เดินทาง  อีกทั้งยังใช้ในการควบคุมระบบการจราจร เช่น ไฟสัญญาณจราจร  และการจราจรทางอากาศ
 ด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
สถาปนิกและวิศวกรสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบ หรือ จำลองสภาวการณ์ต่างๆ เช่น การรับแรงสั่นสะเทือนของอาคารเมื่อเกิดแผ่นดินไหว  รวมทั้งการใช้ควบคุมและติดตามความก้าวหน้าของโครงการต่างๆ เช่น คนงาน เครื่องมือ ผลการทำงาน
 ด้านงานราชการ
เป็นหน่วยงานที่มีการใช้คอมพิวเตอร์มากที่สุด โดยมีการใช้หลายรูปแบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบทบาทและหน้าที่ของหน่วยงานนั้นๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ มีการใช้ระบบประชุมทางไกลผ่านคอมพิวเตอร์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ได้จัดระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อเชื่อมโยงไปยังสถาบันต่างๆ  กรมสรรพากร ใช้จัดในการจัดเก็บภาษี บันทึกการเสียภาษี เป็นต้น
 ด้านการศึกษา
ใช้เพื่องานด้านการเรียนการสอนในหลายรูปแบบ ได้แก่ การผลิตสื่อการสอน การใช้ซีดีรอมสำหรับการเรียนรู้  เกมเพื่อการศึกษาหรือคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  บทเรียนออนไลน์
 ด้านความบันเทิง
เป็นการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อความสนุกสนาน ความบันเทิง เช่น เล่นเกม  ฟังเพลง  ชมภาพยนตร์
 ด้านศิลปะและการออกแบบ
เป็นการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการวาดรูปการ์ตูนออกแบบงาน และการสร้างภาพกราฟิกหรือการตกแต่งภาพในคอมพิวเตอร์

โทษของคอมพิวเตอร์
นอกจากประโยชน์อย่างมากของคอมพิวเตอร์แล้ว  ถ้าไม่ระมัดระวังในการใช้งานคอมพิวเตอร์ก็เกิดโทษขึ้นได้ เช่น
 โทษต่อร่างกาย
การใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานานนอกจากทำให้ปวดเมื่อยตามร่างกายแล้ว  มีผลเสียต่อสุขภาพทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น
โรคอ้วน การนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ เช่น การเล่นเกมทำให้ขาดการออกกำลังกายเป็นสาเหตุให้เกิดโรคอ้วนได้
โรคนิ้วล็อก การใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน โดยใช้ข้อมือหรือนิ้วมือในท่าเดิม ทำให้เกิดพังผืดบริเวณช่องเส้นเอ็นที่ข้อมือและนิ้วมือ ทำให้นิ้วล็อก กางนิ้วออกไม่ได้ เกิดที่ข้อมือ ทำให้เจ็บปวดมาก
โรคเกี่ยวกับตา โรคตาแห้งทำให้แสบตา ระคายเคือง  มีอาการกระตุกบริเวณกล้ามเนื้อตา  ปวดหัว และอาจอักเสบจนเป็นต้อลมได้  ควรพักสายตาโดยมองขึ้นเบื้องสูงทุก ๆ 10 นาที หรือ เปลี่ยนอิริยาบถทุก ๆ ชั่วโมง
โรคอื่นๆ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคลำไส้อักเสบ โรคกระเพาะ ปัสสาวะอักเสบ
 เสียความสัมพันธ์กับครอบครัว
เนื่องจากติดเกม ห่วงแต่เล่นเกม  ขาดการพูดคุยกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง  ทำให้ขาดความอบอุ่น เอาแต่ใจตนเอง
 ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถอย
 การใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสาร  ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องเห็นตัว  ทำให้ความสัมพันธ์กับผู้อื่นลดลง 
 เกิดปัญหาสังคม
เช่น การล่อลวงเพื่อทำการมิดีมิร้าย  ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับวัยของนักเรียน เพราะเป็นวัยที่ไว้ใจคนง่าย  จึงเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพปฏิบัติในสิ่งที่ไม่ดี
 เกิดการเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่ดี 
เพราะสื่อที่เห็นทางอินเทอร์เน็ตทำให้เกิดการเลียนแบบพฤติกรรมต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม เช่น การแสดงออกกับเพศตรงข้ามอย่างไม่เหมาะสม  เป็นต้น
 ทำให้เกิดการเสี่ยงภัยทางด้านธุรกิจ
ธุรกิจในปัจจุบันจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น ข้อมูลข่าวสารทั้งหมดของธุรกิจฝากไว้ในศูนย์ข้อมูล เช่น ข้อมูลลูกหนี้การค้า ข้อมูลสินค้าและบริการต่างๆ หากเกิดการสูญหายของข้อมูล ย่อมทำให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจโดยตรง
 ทำให้เกิดการแพร่วัฒนธรรมและกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว
เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ตมีผู้สร้างโฮมเพจหรือสร้างข้อมูลข่าวสารในเรื่องภาพที่ไม่เหมาะสม
 ทำให้ข้อมูลหรือโปรแกรมถูกทำลายได้ง่าย
เช่น  อาจจะถูกทำลายด้วยไวรัสซึ่ง สามารถแพร่ไปยังระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น